ความเป็นมา
อาข่า จังเกิ้ล คอฟฟี่

ห้างหุ้นส่วนจำกัด อาข่าจังเกิ้ลคอฟฟี่ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 2013 โดยการรวมกลุ่มของชาวอาข่าผู้ปลูกกาแฟอาราบิก้า ดอยช้างมูบ และผาฮี้ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย พื้นที่เพราะปลูกกาแฟมีความสูง 1000 – 1400 เมตร จากระดับน้ำทะเล เราดูแลกระบวนการผลิตกาแฟครบวงจรจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ
เราได้รับความไว้วางใจให้ดูแลร้านกาแฟระดับพรีเมียมทั่วประเทศทั้ง 4 ภาค ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พิษณุโลก สุรินทร์ ขอนแก่น ปราจีนบุรี กรุงเทพ และปัตตานี และเรายังมีศักยภาพในการสนับสนุนเพิ่มมากขึ้น
นอกเหนือจากตลาดในประเทศแล้ว เรายังส่งออกกาแฟภายใต้แบรนด์ Ahka Jungle Coffee ไปยังต่างประเทศ ได้แก่ เกาหลีไต้ สวีเดน สโลวาเกีย และได้รับการยอมรับ จึงเป็นเครื่องการันตีคุณภาพของกาแฟที่เราผลิต
FAIR TRADE
Akha Jungle Coffee มีเป้าหมายทางธุรกิจเพื่อการค้ากาแฟ โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง หรือเรียกว่าการค้าแบบแฟร์เทรด (Fair Trade) เป็นระบบการค้าที่สร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ตั้งแต่ผู้ปลูก ผู้จำหน่าย ผู้บริโภค รวมทั้งแรงงานที่อยู่ในระบบโดยผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายสามารถขายสินค้าได้กำไร ในขณะที่ผู้บริโภคสามารซื้อสินค้าที่มีคุณภาพที่เหมาะสม มีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีไม่ถูกกีดกันเรื่องเพศ สีผิว เชื้อชาติ ศาสนา และอายุ
รู้จักผู้ก่อตั้ง
ธนพล (อาจือ) เฌอมือ ชายชาวเขาเผ่าอาข่า เกิดและเติบโตในหมู่บ้านดอยบ่อ ซึ่งเป็นพื้นที่ทุรกันดารห่างไกลความเจริญ การเข้าถึงระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเป็นไปได้ยากยิ่ง วัยเด็กเต็มไปด้วยความเรียบง่ายตามวิถีอาข่า ที่พูดได้เพียงภาษาท้องถิ่นและดำรงชีวิตด้วยการเกษตร ฐานะครอบครัวยากจน และที่สำคัญคือ การไร้สัญชาติ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของพี่น้องชนเผ่าในยุคนั้น ความเหลื่อมล้ำและโอกาสที่จำกัด ทำให้ต้องเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอน

ธนพล (อาจือ) เฌอมือ
ด้วยความโชคดีที่ครอบครัวเห็นคุณค่าของการศึกษา เมื่ออายุ 9 ขวบ ได้ลงจากดอยเพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนประจำ การปรับตัวสู่ชีวิตในเมืองเป็นเรื่องท้าทาย ต้องเผชิญกับการถูกล้อเลียนและข้อจำกัดด้านภาษา แต่สิ่งเหล่านี้กลับหล่อหลอมให้ผมมีความมุ่งมั่นและอดทน ทำงานหนักสารพัดเพื่อแลกกับการได้เรียนหนังสือ และเรียนรู้ที่จะไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ด้วยความเชื่อที่ว่า “วันหนึ่งต้องเป็นวันของเรา” แรงบันดาลใจอันแรงกล้าที่จะกลับไปช่วยเหลือชุมชนบ้านเกิดได้ก่อกำเนิดขึ้นที่จุดนี้เอง จนสำเร็จการศึกษาด้าน การแพทย์แผนไทยบัณฑิต และมีโอกาสได้ไปศึกษาดูงานด้านธรรมชาติบำบัดที่ประเทศออสเตรเลีย และการแพทย์ไทที่สิบสองปันนา ประเทศจีน ปัจจุบัน อาจือ รับราชการในตำแหน่ง แพทย์แผนไทยชำนาญการ และเคยมีบทบาทสำคัญในชมรมแพทย์แผนไทยและสมาคมชาวอาข่า

จากคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับตัวเอง Akha Jungle Coffee จึงถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 11 ธันวาคม 2556 ด้วยความเชื่อมั่นว่ากาแฟที่ปลูกโดยญาติพี่น้องชาวอาข่าคือ ‘เพชรที่ซ่อนอยู่ในป่า’ การเริ่มต้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตในบ้านเกิด ผมได้ลงทุนศึกษาและพัฒนาศักยภาพตนเองอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเรียน SCA Roasting Professional และการสร้างโรงคั่วกาแฟที่ได้มาตรฐาน อย. ด้วยความทุ่มเทและแรงศรัทธา Akha Jungle Coffee สามารถส่งออกกาแฟคุณภาพสูงไปยังประเทศเกาหลีใต้ สวีเดน และสโลวาเกีย สร้าง ‘มิตรภาพ’ และเชื่อมโยงชุมชนอาข่าสู่ระดับโลก จากนั้น เราได้ขยายตลาดในประเทศไทย โดยเปิด Café Akha Jungle Coffee และพัฒนาแฟรนไชส์ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำและช่องทางออนไลน์ ความสำเร็จเหล่านี้ได้รับการการันตีด้วยรางวัลอันทรงเกียรติมากมาย อาทิ:
กาแฟคุณภาพระดับโลก จาก World Coffee Challenge 2023 ณ ประเทศสเปน
รางวัลชนะเลิศ MSME Provincial Champion Awards 2024
NSP Innovation Awards 2022 สาขานักธุรกิจนวัตกรรม
MFU INNO Prize Best Entrepreneur of the Year“

Akha Jungle Coffee ก่อตั้งขึ้นจากปรัชญาแห่ง ‘การให้’ และความเชื่อในศักยภาพของชุมชน ผมริเริ่มโครงการ CHR โดยผลิตกาแฟแบรนด์ ‘กาแฟไทย แพทย์แผนไทยใน รพ.สมเด็จพระยุพราช’ ซึ่งทุกการจำหน่าย 1 ถุง จะหัก 65 บาท เข้ากองทุนพัฒนาแพทย์แผนไทยในโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21 แห่งทั่วประเทศ เราเชื่อมั่นใน ‘เพชรเม็ดงามที่ซ่อนอยู่ในโคลนตม’ คือเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงจากชุมชนอาข่า และยึดมั่นในแนวคิด ‘น้อยแต่มาก’ ซึ่งเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ การดำเนินงานของเราสร้าง ผลกระทบที่ยั่งยืน โดยปัจจุบันมี 10 ครัวเรือนจาก 3 ดอย ได้รับราคาที่เป็นธรรมสำหรับผลผลิต 20-40 ตัน ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรดีขึ้นอย่างชัดเจน และคาดว่าจะขยายผลสำเร็จนี้ไปสู่ 20 ครัวเรือนจาก 5 ดอยในอนาคตอันใกล้ สร้างแรงบันดาลใจให้เกิด ‘คนรุ่นใหม่’ ที่พร้อมจะหยั่งรากและส่งต่อคุณค่าจากป่า (Jungle) สู่ผู้คนทั่วโลก
เป้าหมายสูงสุด
Akha Jungle Coffee มีเป้าหมายคือการก่อตั้ง โรงพยาบาลธรรมชาติบำบัด ในอนาคตอันใกล้นี้ ภายใต้โครงการ ‘Do Good to Our Jungle’ เรามุ่งมั่นที่จะเชิญชวนผู้คนที่มีแนวคิดเดียวกันมาร่วม ‘เพิ่มขีดความสามารถ’ ผ่านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่หรูหราอย่างมีสติ (Conscious Luxury) โดยผู้เข้าร่วมจะได้ปลูกกาแฟและสมุนไพรหายากคนละ 1 ต้น เพื่อสร้างความผูกพันกับธรรมชาติและชุมชน โครงการนี้จะเปิดโอกาสให้เรียนรู้และสัมผัสวัฒนธรรมอาข่าอย่างลึกซึ้ง รวมถึงการทำงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อ ‘สำรวจผืนป่าของเรา’ และสัมผัส ‘มนตร์เสน่ห์แห่งป่า’ ซึ่งจะนำไปสู่ความยั่งยืนของโลก ผู้คนจะได้รับความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ และชาวอาข่าจะแบ่งปันภูมิปัญญาการดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพรหายาก ที่สืบทอดกันมา เราเชื่อมั่นว่าการดูแลสุขภาพควบคู่กับการดูแลรักษาป่าจะนำไปสู่ ‘สังคมแห่งสุขภาวะที่ดี’ และ ‘สุขภาวะที่ดีแห่งป่า’ พร้อมทั้งอนุรักษ์รากเหง้าของวัฒนธรรมอาข่า ให้คนรุ่นใหม่มีความหวังอันรุ่งโรจน์ และส่งต่อสิ่งดีๆ นี้สู่คนรุ่นต่อไป